สวัสดีค่ะ ... แหม...เจอหัวเรื่องแบบนี้ พี่หมีก็ได้แต่ยิ้ม ถามแบบนี้ก็ต้องตอบว่า "กลัว" ค่ะ....แต่นั่นเป็นคำตอบเมื่อ 10 กว่าปีก่อนนะคะ
ส่วนคำตอบ ณ วันนี้ ต้องขอบอกว่า ..."ไม่กลัวเลย" ค่ะ....ไม่ใช่ว่าเก่งกาจ กล้าหาญอะไรนักหรอก แต่เป็นเพราะพี่หมีเผชิญกับเรื่องนี้มาตลอดสิบกว่าปีที่ทำเทียน......
เรื่องมันเริ่มมาจากที่พี่หมีปั้นดอกไม้เทียน ส่งขายเข้าไปในตลาดจตุจักร.....สมัยนั้นก็เป็นที่ฮือฮาของตลาดมาก เพราะเทียนหอมรูปดอกไม้ในจตุจักร มีแต่เทียนดอกไม้ที่แกะออกมาจากพิมพ์ และ เทียนดอกลีลาวดีเท่านั้น......แต่พี่หมีออกแบบดอกไม้ใหม่ๆ เข้าไปในตลาดด้วย เช่นเทียนดอกกุหลาบ เทียนดอกชบา เทียนดอกทานตะวัน เทียนดอกบัว ก็ขายดีมากๆ ปั้นกันมือหงิกเลยล่ะค่ะ......เพราะคนปั้นดอกไม้เทียนมีน้อย งานก็เข้ามามาก ไม่เคยทำทัน... พี่หมีก็เลยต้องจ้างคนมาช่วย .....ตรงที่ต้องจ้างคนมาช่วยงานนี่แหละ....ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
พอจ้างเค้ามา ก็ต้องสอนเค้าใช่ไหมคะ....คนรอบข้างก็ติงเหมือนกันค่ะ ว่า....สอนไปแล้วไม่กลัวเค้าเอาไปทำเองเหรอ....พี่หมีก็กลัวค่ะ .....แต่ถ้าอยากได้งานเพิ่ม อยากได้ดอกไม้เทียนเพิ่ม ก็ต้องขยายงาน ถ้ากลัวคนอื่นจะทำเป็น ก็คงต้องทำเองคนเดียว ซึ่งไม่มีทางเลยที่จะขยายงานให้เติบโตได้.....จริงไหมคะ....
มีอยู่วันหนึ่งไม่นานนัก ลูกน้องที่ปั้นได้เก่งมากๆ คนหนึ่งมาบอกว่า...ขอหยุดงานซักพัก เพราะว่าตั้งท้องได้ 3 เดือนแล้ว....พี่หมีก็ให้หยุด เค้าบอกว่าพอคลอดก็จะมาทำงานใหม่ พี่หมีก็โอเค....แน่นอนว่ายอดดอกไม้เทียนที่ทำส่งประจำสัปดาห์ต้องกระทบ แต่ไม่เป็นไร พี่หมียังมีลูกน้องช่วยอีกหลายคน.....
3 เดือนถัดมาพี่หมีเจอเค้าที่ตลาด ท้องเค้าไม่ได้โตขึ้น เค้าบอกว่าแท้ง....ก็แสดงความเสียใจไปกับเค้า บอกให้เค้ารักษาตัว พักผ่อนให้สบายใจเสียก่อนแล้วค่อยมาทำงานก็ได้ เค้าก็ขอบคุณ
ระหว่างนี้พี่หมีสังเกตว่า ลูกค้ารายใหญ่ของพี่หมีไม่สั่งดอกไม้เทียนเข้ามา แต่เค้ามีดอกไม้เทียนขาย และเป็นฝีมือของลูกน้องคนนี้เอง.....
พี่หมีก็งงว่าลูกน้องรู้จักลูกค้าคนนี้ได้อย่างไร เพราะเราอยู่ต่างจังหวัดค่ะ แล้วการเข้ากรุงเทพก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยสำหรับชาวบ้านที่นี่......
มาได้ความกระจ่างตรงที่ลูกน้องอีกคนเล่าให้ฟังว่า ....ตอนที่ลูกค้าคนนี้มาเยี่ยมพี่หมี มาขอดูงานที่บ้าน ประมาณว่ามาเที่ยวบ้านพี่หมีอ่ะค่ะ....เค้าได้แอบให้เบอร์โทรกับลูกน้องพี่หมี โดยเฉพาะคนที่เก่งๆ แล้วคุยติดต่อกันภายหลัง ที่บอกว่าท้องแล้วแท้งนั่นก็เป็นการวางแผนออกไปทำเอง....
พี่หมีก็....เฮิร์ทนะ ....จิตตก ....เจ็บปวด ...ผิดหวัง...เสียใจ....สารพัดความรู้สึกที่แย่ๆ ประเดประดังเข้ามา พี่หมีทำได้อย่างเดียวคือ...ทำใจ...
หลังจากมีคนที่หนึ่ง...ก็มีคนที่สอง...สาม...สี่....ลาออกไปทำเองอีกเรื่อยๆ เมื่อคนทำงานลดลง ....พี่หมีก็ไม่ยอมแพ้ ...ต้องจ้างคนเพิ่ม สอนคนเพิ่ม....และบางคนก็ลาออกไปทำเองอีก....อย่างนี้ไปเรื่อยๆ วนเป็นวัฎจักร ...เป็นล้อเกวียนที่หมุนมาทับรอยเดิม....
ไม่ต้องถามถึงความรู้สึกของพี่หมี ที่ต้องท่องคำว่า ทำใจ....บ่อยเสียจนเกิดการเรียนรู้ขึ้นมาว่า....มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการความก้าวหน้า ต้องการดิ้นรนหาเลี้ยงชีพ.... พี่หมีจะมานั่งเสียใจ น้อยใจในโชคชะตาอยู่ทำไม ในเมื่อไม่สามารถไปห้าม ไปจับมัด ไปผูกให้เค้าอยู่กับเราได้
แทนที่พี่หมีจะมามัวผิดหวัง เสียใจ...... พี่หมีก็คิดมุมกลับ ว่าพี่หมีได้ทำกุศลให้กับคนหลายคน..... ให้เค้าได้มีอาชีพเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว.... ให้เค้าได้ทำงานที่บ้านไม่ต้องไปทำงานไกลๆ..... ให้เค้าได้มีที่ปรึกษาเวลาติดขัดปัญหา.... ให้เค้าได้มีวัตถุดิบใช้หรือให้ยืม โดยไม่ต้องไปซื้อไกล.....(บางคนขาดสีแค่ถุงเดียว ราคา 10 บาท ต้องนั่งรถไปซื้อถึงกรุงเทพ เสียเวลาทั้งวัน)
พอคิดได้ดังนี้....... พี่หมีก็ตั้งหน้า ตั้งตาสอนลูกน้องใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และเริ่มงานเชิญของหน่วยงาน ราชการต่างๆ ให้ไปเป็นวิทยากรสอนปั้นดอกไม้เทียน ให้กับกลุ่มอาชีพ และกลุ่มแม่บ้าน ที่พี่หมีเคยปฎิเสธอย่างเด็ดขาด ตอนสมัยทำเทียนใหม่ๆ....พี่หมีคิดว่า คนที่ผ่านการสอนของพี่หมีมีไม่ต่ำกว่า 1000 คนแน่นอน.....
พอทำได้ดังนี้แล้ว ก็สบายใจมากขึ้นค่ะ ลูกน้องหลายคนก็มีออกไปทำเองบ้าง ไปดีๆ คุยกันก็ไม่มีปัญหาอะไร ขาดเหลืออะไรก็ให้มาเอา มายืม... งานน้อยก็มารับงานกับพี่หมีได้ ใครอยากอยู่กับพี่หมีก็อยู่ ใครอยากไปทำเองก็ไป...
แต่มีบางคนเหมือนกันค่ะ ที่ส่งคนของตัวเองมาหลอกให้พี่หมีสอน พอทำเป็นแล้วให้ไปทำที่เค้า จับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร จับได้ก็สอนเหมือนกัน แต่จะฝากบอกไปนิดนึง ว่า....คนของเธอ เธอทำเป็น เธอก็ควรจะสอนเอง ไม่ใช่ส่งมาให้เราสอน.....
ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่ามีกรณีอย่างนี้ด้วย แต่สงสัยว่า ทำไมหลายคนมาสมัครงานกับเรา แล้วอาทิตย์เดียวลาออก.... พี่เจอเยอะมาก จนต้องสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงานใหม่อย่างละเอียด ถึงได้รู้ความจริงว่า ....มาสมัครงานเพื่อหลอกให้พี่หมีสอนนั่นเอง
พี่หมีสอนลูกน้องของตัวเองฟรีก็จริง ....แต่ทำแบบนี้มันเอาเปรียบกันเกินไปค่ะ......
เอาล่ะค่ะ ......เหตุการณ์ที่พี่หมีเล่า ก็ผ่านไปนานแล้ว สำหรับตอนนี้ กุศลทั้งหลายที่เคยทำมาก็ส่งให้ผลให้เหมือนกันค่ะ.... มีกลุ่มแม่บ้าน มีลูกน้องเก่า มีลูกน้องของลูกน้อง มีคนที่ทำเทียนเป็นมารับงานกับพี่หมีมากมาย จนออร์เดอร์หนึ่งแสนชิ้น สามารถทำเสร็จได้ภายในเวลาแค่สองสัปดาห์น่ะค่ะ ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนไม่มีทางเป็นไปได้เลย.......ทำให้พี่หมีรับงานเยอะๆ ได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลเลยค่ะ.......
อะแฮ่ม......เกริ่นมายาวมาก พี่หมียังไม่ได้ตอบคคำถามเลย "สอนคนอื่น ไม่กลัวถูกแย่งอาชีพเหรอ ใจกว้างจัง"
ขอตอบว่า ไม่กลัวค่ะ ....เพราะการปั้นดอกไม้เทียนมันมีข้อจำกัด ....ตรงที่ในวันหนึ่งๆ คนเราไม่สามารถปั้นเทียนให้เยอะๆ ได้ เพราะ..... นี่เป็นงานฝีมือ ไม่ใช่งานเครื่องจักร ที่จะปั๊มออกมาเท่าไหร่ก็ได้ งานฝีมือต้องใช้เวลา ใช้ความละเอียด ปราณีต ใช้สมาธิ งานจึงจะออกมาดี และสวย
เพราะฉนั้น งานปั้นดอกไม้เทียน จึงเป็นงานที่คนเยอะทำได้เยอะ คนน้อยทำได้น้อยค่ะ....
สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ....งานปั้นดอกไม้เทียนฝีมือคนไทยสวยงาม อ่อนช้อย อย่างที่ชาติไหนก็สู้ไม่ได้ ใช้เทคโนโลยี่อะไรมาก็ช่วยให้เร็ว ให้สวยก็ไม่ได้ค่ะ..... ขึ้นอยู่กับฝีไม้ลายมืออย่างเดียวจริงๆ
งานดอกไม้เทียนของประเทศอื่นมีมั้ย.....มีค่ะ แต่ไม่สวย และไม่เป็นที่นิยมเท่าของไทย ความต้องการของตลาดยังมีสูงมากอยู่ และไม่มีทางหมดความนิยมไปง่ายๆ เพราะเป็นสินค้าที่ใช้แล้วหมดไป และต้องซื้อใหม่ .....
งานเทียนมีหลายประเภทค่ะ เช่น เทียนแท่ง เทียนก้อนสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม เทียนทีไลท์ ฯลฯ เทียนเหล่านี้ใช้เครื่องทำ ใช้พิมพ์ช่วย ซึ่งเทคโนโลยี่บางอย่างใช้ทุนสูง และสู้ประเทศอื่นไม่ได้ โดยเฉพาะประเทศจีนที่ก้าวไปไวมาก แต่ลองเสิร์ชคำว่า floating flower candle ดูสิคะ ว่าถ้ามีมากน้อยแค่ไหน ถ้า เทียบ votive หรือ pillar candle
ทำเทียนดอกไม้ให้สวย มีคุณภาพดี จุดได้จริง ยังไงก็รุ่งค่ะ สำหรับผู้ที่ต้องการทำเป็นอาชีพ....
สำหรับผู้ที่ต้องการ ทำแจกเป็นของขวัญ ทำใช้เอง ก็ลงทุนไม่มากค่ะ อุปกรณ์ต่างๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่ในครัวนั่นเอง ลองหัดปั้นดูตามคลิปที่จะทยอยเอามาลงเรื่อยๆ นะคะ ทำใช้เอง หรือทำแจก ผู้รับก็ดีใจ..... ผู้ให้ก็จะยิ้มแย้ม จุดเทียนแล้ว แสงเทียนทำให้เกิดความสุนทรี และมีความสุขค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น